วิกฤติโควิด 19 ที่เริ่มซาลงทั่วโลก ทำให้ความต้องการซื้อ (Demand) และอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ธุรกิจ E-Commerce นั้นกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะจากเดิมที่เคยไปได้สวยช่วงโควิดระบาดเมื่อปี 2020 แต่ในปัจจุบันกลับค่อย ๆ แผ่วลง พร้อมกับที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ภาคขนส่งชะลอต่อตัว และตามมาด้วยภาวะเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจต่างก็มองว่าจุดเปลี่ยนของธุรกิจ E-commerce นี้อาจจะต้องใช้เวลาอีกนาน
- Etsy (NASDAQ: ETSY) ธุรกิจ e-commerce ที่ขายงานศิลปะและงานฝีมือทางออนไลน์ ราคาหุ้นตกลงกว่า 18% เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ด้วย Etsy เป็นธุรกิจที่มีความ Niche สูง ประกอบกับผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นแม้จะเล็กน้อย แต่ก็เติบโตได้ต่อเนื่อง
- แม้แต่ Amazon (NASDAQ: AMZN) ที่ใหญ่ที่สุดในภาคธุรกิจนี้ ราคาหุ้นก็ยังตกลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนเมษายน การเติบโตใน Q1 ลดลง 7% ตรงกันข้ามกับ Q1 ของปี 2021 ที่โตถึง 44% การเติบโตปีนี้ของ Amazon ถือเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบ 21 ปี
- E-Commerce ฝั่งแคนาดาอย่าง Shopify (NYSE: SHOP) ก็ไม่ได้ผลงานอย่างที่คาด จากเดิมที่ว่ากันว่าจะทำได้ 77 เซนต์ต่อหุ้น ก็กลับทำได้แค่ 20 เซนต์ต่อหุ้นในช่วง Q1 ที่ผ่านมา และปัจจุบันก็ยังคงอยู่ในช่วงขาลง แต่ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการซื้อกิจการบริษัทขนส่ง Deliverr เพื่อนำมาขยายเติมเต็มความสมบูรณ์ให้ธุรกิจอีกที
- ส่วน Shopee (NYSE: SE) ตัวแทนยักษ์ใหญ่ E-Commerce ฝั่งเอเชีย ราคาหุ้นยังไม่ตกรุนแรง และปริมาณการซื้อขายก็ยังถือว่าดีอยู่
- Alibaba (NYSE: BABA) e-commerce ใหญ่ของฝั่งจีนราคาหุ้นตกลงถึง 6.6% ช่วงเดือนพฤษภาคม 2022 ส่วนหนึ่งมาจากการที่ Jack Ma หายไปจากหน้าสื่อ แต่ราคาหุ้นก็กลับมาขึ้นตามปกติ เมื่อมีการชี้แจงเพิ่มเติม รวมถึงการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งก็ทำให้ผู้คนจับจ่ายผ่านทาง e-commerce เพิ่มขึ้น
จากที่เกริ่นแม้จะฟังดูเป็น Negative ล้วน ๆ แต่ธุรกิจ E-Commerce ก็ยังเป็นโอกาสการลงทุนที่ดี แม้จะเปลี่ยนสถานะจากหุ้นความเสี่ยงต่ำ กลายเป็นหุ้นที่มีความท้าทายสูง โดยเฉพาะหลังจากโควิด-19 ซาลง และเชื่อกันว่าธุรกิจนี้จะฟื้นได้ในระยะยาว
สนใจลงทุนต่างประเทศกับ Phillip Global Markets เริ่มต้นลงทุนเพียง 50,000 บาท
โทร. 02-635-3055 หรือ Line: @phillipglobal (หรือคลิก https://lin.ee/q0bIxVg )